C2  ทำหน้าที่หน่วงเวลาการทำงานของวงจร เพราะกระแสชาร์จ C2 เป็นตัวกำหนด ไม่ให้รีเลย์ทำงานเร็วเกินไป  เวลาช้า-เร็ว ขึ้นอยู่กับค่า C2 เอง และค่า R(R1) ว่าจะจ่ายกระแสชาร์จให้ C2 (เก็บประจุไฟฟ้าคล้ายแบตฯ)มากน้อยเท่าได
D1  ป้องกันอาการที่เกิดจากการยุบตัวของสนามแม่เหล็กในขดลวดรีเลย์ หากไม่ไส่รีเลย์จะสั่นครางทำให้หน้าสัมผัสเสียง่าย
D2  ทำหน้าที่ป้องกันความผิดพลาดจากผู้ใช้งาน ต่อสายไฟผิดขั้ว
R1  - R2 = potential divider จะกำหนดให้แรงดันที่ขา B ยังต่ำกว่าขาE ในขณะที่แรงดันแบตฯยังไม่เกิน 13.8V ทำให้ TR1 ยอมให้กระแสไฟไหลผ่านE => C รีเลย์จะดึงหน้าผัสต่อแผงโซล่าร์ชาร์จแบตฯ...และเมื่อไดที่แรงดันแบตฯเกิน 13.8V แรงไฟ Output divider ที่ขาB จะสูงขึ้น(สูงกว่า -0.6V เมื่อวัดเทียบกับขาE) ทรานซิสเตอร์หยุดทำงาน รีเลย์ตัดโซล่าร์ไม่ต่อชาร์จแบตฯ
TR1  ในวงจรเป็นชนิด PNP จะยอมให้ไฟฟ้าผ่านจากขา C ไปขาE ได้ก็ต่อเมื่อ แรงดันที่ขา B ต่ำกว่าขา E  (-0.6V)


TR2  ในวงจรเป็นชนิด NPN จะยอมให้ไฟฟ้าผ่านจากขา C ไปขาE ได้ก็ต่อเมื่อ แรงดันที่ขา B สูงกว่าขา E มากกว่า 0.6V
R  ทำหน้าที่ ควบคุมหรือจำกัดกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน ซีนเนอร์ไดโอด
ZD13V  จะยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวมันได้ก็ต่อเมื่อแรงดันเกินกว่าค่าที่ระบุที่ตัวมันเองเท่านั้น ในขณะที่แรงดันแบตฯยังไม่เกิน 13V ไฟยังไม่มากพอที่จะทำให้กระแสไหลผ่านZD13V แรงดันที่ขา B ของTR1 ยังต่ำกว่าขาE (ต่ำกว่า 0.6V)   รีเลย์จะไม่ทำงาน หน้าผัสยังต่อแผงโซล่าร์ชาร์จแบตฯอยู่ตลอด...และเมื่อไดที่แรงดันแบตฯเกิน 13Vกระแสไฟจะไหลผ่าน ZD13V ได้ทำให้ไฟที่ขาB จะสูงขึ้น(สูงกว่า 0.6V เมื่อวัดเทียบกับขาE) ทรานซิสเตอร์จะทำงาน ยอมให้กระแสไฟไหลผ่านE => C รีเลย์จะทำงาน และดูดย้ายหน้าสัมผัส ตัดไฟจากแผงโซล่าร์ ไม่ให้ชาร์จแบตฯ (แก้ไขเพิ่มเติม   ใส่เพิ่ม R20K ขนานตรงตัวเก็บประจุ (C) ที่ขา B เพื่อแก้ปัญหาวงจรต่อชาร์จช้า)